--- PAGE 1 --- 18% O คำพิพากษา สำเนาถูกต้อง วน« U (นางสาววันรพี แกน) เจ้าหน้าที่ศาลปกครอง 5 - 4 . 8. 2551 คดีหมายเลขทําที่ 9 (ต. ๑๘) ๒๐๒๙/๒๕๕๐ คดีหมายเลขแดงที่ ๗๔๒ /๒๕๕๑ ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ นางพิมพ์ใจ มณีศรี ระหว่าง ศาลปกครองกลาง วันที่ ๔ เดือน มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ ๒ เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้ถูกฟ้องคดี คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า เดิมผู้ฟ้องคดีเป็นลูกจ้างของบริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาสุรินทร์ ตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาด หรือผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน โดยมีหน้าที่รับคำสั่งซื้อ ส่งคำสั่งซื้อ รับคำสั่งขาย ส่งคำสั่งขายหลักทรัพย์ ไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้กับลูกค้าของบริษัทฯ แต่ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือ ลับ ที่ กลต.ข. ๖๗๑/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจง ข้อเท็จจริงในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีจัดการให้บุคคลอื่นเข้าไปดำเนินการซื้อขาย ท ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2557 ศาลปกครองกลาง • --- PAGE 2 --- ๒ หลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ถูกต้อง จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย แก่ลูกค้าและบริษัทฯ ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๐ ชี้แจงข้อเท็จจริง ไปให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ทราบ หลังจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือ ลับ ที่ กลต.ข ๑๔๔๘/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ แจ้งผู้ฟ้องคดีว่าจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง ผู้ฟ้องคดีได้ร่วมมือกับนางสาวนงค์ลักษณ์ สินแสนสุข จัดหาบัญชีลูกค้าเพื่อให้บุคคลอื่นมาส่ง คำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์โดยที่ลูกค้าไม่ได้มอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรให้บุคคลดังกล่าว และเป็นผู้รับคำสั่งจากบุคคลอื่นในบัญชีลูกค้า รวมทั้งได้กระทำการเพื่อให้การใช้บัญชีลูกค้า รายดังกล่าวเป็นผลสำเร็จ จึงเป็นการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ ให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีเพื่อเอื้อประโยชน์อื่นใด ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตาม มาตรฐานการปฏิบัติงานตามข้อ ๑๑ (๒) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข ๑๕/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ ประกอบข้อ ๒ (๑๑) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ที่ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดี เป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน ผู้ฟ้องคดีจึงได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ อุทธรณ์คำสั่ง ดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งในที่สุดผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจารณาเรื่องอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี ในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐ โดยมีมติยืนตามคำสั่งของ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และได้มีหนังสือ ลับ ที่ กลต.ข ๑๖๖๗/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบโดยผู้ฟ้องคดีได้รับทราบเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ แต่ผู้ฟ้องคดี เห็นว่าการรับฟังพยานหลักฐานของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่มีเหตุผลเพียงพอเป็นเหตุให้การพิจารณา คลาดเคลื่อนไม่ตรงต่อความจริง เนื่องจากผู้ฟ้องคดีมิได้ร่วมมือกับนางสาวนงค์ลักษณ์กระทำ การดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งซื้อ และคำสั่งขายจากนางสาวนงค์ลักษณ์ โดยความยินยอมของนายศิริชัย ภาควรรธนะ เจ้าของบัญชีโดยความรู้เห็นของผู้จัดการสาขา สุรินทร์ อีกทั้งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จะอ้างบทสนทนาที่อ้างว่าเป็นบทสนทนาระหว่างผู้ฟ้องคดี กับนางสาวนงค์ลักษณ์ในเทปบันทึกเสียงมาเป็นผลร้ายแก่ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ เพราะผู้ฟ้องคดี ไม่เคยรับฟังเสียงเทปการสนทนาที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ อ้างแต่อย่างใด และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ๑ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2557 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 3 --- ก็ไม่เคยให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงว่าเป็นเสียงของผู้ฟ้องคดีหรือไม่ สนทนาอยู่กับใคร และสนทนาเรื่องใด ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่เคยเรียกนางสาวนงค์ลักษณ์มาชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่อง เทปสนทนาแต่อย่างใด การพิจารณาของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงไม่สามารถรับฟังได้ นอกจากนั้น ผู้ฟ้องคดีได้กระทำไปโดยอยู่ในความรู้เห็นและยินยอมของนายศิริชัยเจ้าของบัญชี เพราะ นางสาวนงค์ลักษณ์กับนายศิริชัยสนิทสนมกันและมีข้อตกลงระหว่างกันโดยนายศิริชัยยินยอม ให้นางสาวนงค์ลักษณ์ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีได้ ซึ่งหากไม่รับทราบรู้เห็นยินยอม ผู้ฟ้องคดีคงไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทฯ ในบัญชี ซื้อขายหลักทรัพย์ของนายศิริชัยมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นมาได้ เพราะในการ สั่งซื้อและขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีของลูกค้าในแต่ละครั้ง บริษัทฯ จะต้องออกใบยืนยันการ ซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ลูกค้าและจะต้องชำระเงินกำไรจากการที่ลูกค้าซื้อขายให้แก่ เจ้าของบัญชีที่แท้จริง ซึ่งลูกค้าที่เป็นเจ้าของบัญชีที่แท้จริงจะรับทราบถึงรายการซื้อขาย หลักทรัพย์ในบัญชีของตนโดยตลอด หากลูกค้าเจ้าของบัญชีไม่ได้เป็นผู้สั่งซื้อหลักทรัพย์ ก็สามารถโต้แย้งได้ ประกอบกับข้อ ๒ (๖) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ กำหนดว่า ให้บริการซื้อขาย หลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนตามคำสั่งของผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีหรือตามคำสั่งของผู้ได้รับมอบอำนาจ จากผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชี โดยไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นการมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร โดยชัดแจ้ง ซึ่งหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายศิริชัยยินยอมให้ผู้ฟ้องคดีใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ของตนเพื่อทำการซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่นางสาวนงค์ลักษณ์ก็ต้องถือได้ว่านายศิริชัยได้มอบอำนาจ ให้นางสาวนงค์ลักษณ์เป็นผู้ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์แทนตน การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยมาตรฐานการปฏิบัติงานแล้ว อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากการกระทำของผู้ฟ้องคดีแต่ฝ่ายเดียว แต่เกิดจากผู้จัดการสาขาสุรินทร์ ซึ่งเป็น ผู้บังคับบัญชาของผู้ฟ้องคดียินยอมให้ผู้ฟ้องคดีกระทำการดังกล่าว ประกอบกับมีเหตุการณ์ เปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงเป็นผลให้ราคาหลักทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว ลูกค้าผู้สั่งซื้อ จึงไม่สามารถชำระค่าหลักทรัพย์ได้จนเป็นเหตุให้บริษัทฯ เสียหาย และหลังเกิดเหตุผู้ฟ้องคดี ได้ตกลงรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นบางส่วนเพื่อบรรเทาความเสียหายแก่บริษัทฯ แล้ว ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 4 --- ตามคำพิพากษาตามยอมของศาลแรงงานกลาง คดีหมายเลขแดงที่ ๔๗๐๙/๒๕๕๐ การที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ผู้ฟ้องคดีจึงร้ายแรงเกินกรณีแห่งความเป็นจริง จึงได้นำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ ขอให้ศาลมีคำพิพากษา ดังนี้ ๑. เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับ ๖ ผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีมีกำหนด ๑ ปี 5 เดือน ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ลับ ที่ กลต.ข ๑๔๔๘/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ ๒. เพิกถอนคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ลับ ที่ กลต.ข ๑๖๖๗/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ ๓. หากไม่สามารถเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ขอให้ลดโทษคำสั่งพักการ ปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีจาก ๑ ปี ๖ เดือน ให้เหลือเพียง 4 เดือน เนื่องจากผู้ฟ้องคดีได้หยุด ปฏิบัติหน้าที่ก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ เพราะถูกเลิกจ้าง ในวันเดียวกันนั้น ผู้ฟ้องคดีได้มีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งพักการ ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีไว้เป็นการชั่วคราวก่อนศาลมีคำพิพากษา เนื่องจากผู้ฟ้องคดีตกงานไม่มีรายได้เพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต่อมาผู้ฟ้องคดีจะได้ทำงานแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำงานในตำแหน่งเดิม ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ ประกอบกับผู้ฟ้องคดี กับบริษัทฯ ได้เจรจาโดยผู้ฟ้องคดีตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้บริษัทฯ แล้วตามคำพิพากษา ตามยอมของศาลแรงงานกลาง ศาลพิเคราะห์คำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งของผู้ฟ้องคดีแล้วเห็นว่ายังไม่มีเหตุผล อันสมควรที่จะได้รับการพิจารณา จึงได้มีคำสั่งลงวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ไม่รับคำขอ ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของผู้ฟ้องคดีไว้พิจารณา ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองให้การว่า มูลเหตุในกรณีนี้สืบเนื่องมาจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้รับรายงานการตรวจสอบของบริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ว่า นายศิริชัย ภาควรรธนะ ลูกค้าของบริษัทฯ มีรายการค้างชำระเงินในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 5 --- เป็นเงิน ๑๒.๐๖ ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่าผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ดูแลบัญชีของนายศิริชัย ได้ดำเนินการตามคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวนงค์ลักษณ์ สินแสนสุข ในบัญชีของ นายศิริชัยโดยไม่ปรากฏว่ามีหนังสือมอบอำนาจจากลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ ได้สอบปากคำผู้ฟ้องคดี และนางสาวนงค์ลักษณ์ โดยผู้ฟ้องคดีให้ถ้อยคำว่านางสาวนงค์ลักษณ์เป็นเพื่อนของตนและ เป็นผู้จัดหาผู้ลงทุนมาทำการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านตน โดยผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ติดต่อกับนายศิริชัย เพื่อขอใช้บัญชีของนายศิริชัยในการซื้อขายหลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ แต่เมื่อ มีการใช้บัญชีดังกล่าวไปประมาณ ๒ เดือน นายศิริชัยได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีลดปริมาณการซื้อขาย ในบัญชีดังกล่าว ผู้ฟ้องคดีจึงใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะหักกลบในวันเดียวกัน ซึ่งหมายถึงการซื้อขายหลักทรัพย์ที่การชำระราคาจะคำนวณจากการนำมูลค่าซื้อและขาย หลักทรัพย์เดียวกับที่ซื้อขายในวันเดียวกันมาหักลบกัน จนกระทั่งกลางเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ได้เกิดปัญหาขึ้นในบัญชีของนายศิริชัยจากการที่นางสาวนงค์ลักษณ์ได้รับคำสั่งมาจาก นางสาวชัชญรัชย์ กองทอง ให้ซื้อหุ้น BNT จำนวน ๒๒,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น และหุ้น GEN จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ หุ้น แต่ผู้สั่งซื้อแจ้งว่าจะชำระราคาให้แต่กลับไม่ชำระราคาจนเกิดยอดเงินค้างชำระ ในบัญชีของนายศิริชัย ส่วนนางสาวนงค์ลักษณ์ให้ถ้อยคำยอมรับว่าได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ ในบัญชีของนายศิริชัยตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ เป็นต้นมา บริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ฟ้องคดี ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าซึ่งฝ่าฝืนข้อบังคับ เกี่ยวกับการทำงาน เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จงใจกระทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย จึงได้เลิกจ้างผู้ฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมา และผู้ฟ้องคดีกับ นางสาวนงค์ลักษณ์ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้กับบริษัทฯ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๙ ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ โดยอ้างว่าได้ ดำเนินการไปเพราะถูกกลุ่มบุคคลหลอกลวงให้ผู้ฟ้องคดีหาบัญชีลูกค้าเพื่อทำการซื้อขาย หลักทรัพย์โดยอ้างว่ามีข้อมูลวงในล่วงรู้การเคลื่อนไหวของราคาทรัพย์รายใหญ่ ผู้ฟ้องคดี หลงเชื่อจึงได้เจรจากับนายศิริชัย เพื่อขอใช้บัญชี เป็นเหตุให้นางสาวนงค์ลักษณ์เข้ามาทำการ ซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีของนายศิริชัยได้ ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ปรึกษากับผู้จัดการสาขาสุรินทร์แล้ว ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 6 --- ๖ และเข้าใจว่าผู้บริหารของบริษัทฯ ซึ่งต่อมาบริษัทฯ ได้จัดส่งข้อมูลการบันทึกเทปการปฏิบัติงานของผู้ฟ้องคดีระหว่างเดือน กรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๙ มาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงได้เรียก ผู้ฟ้องคดีมาให้ข้อมูลในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ซึ่งผู้ฟ้องคดียอมรับว่ารู้เห็นและจัดการ ให้บุคคลอื่นมาใช้บัญชีของลูกค้าจนทำให้เกิดความเสียหาย และยอมรับว่าได้จัดการเกี่ยวกับ การชำระราคาของลูกค้าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่บุคคลอื่นในการใช้บัญชี แต่ผู้ฟ้องคดี ไม่ยอมให้มีการบันทึกการให้ถ้อยคำเป็นหลักฐาน นอกจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ฟังเทป การปฏิบัติงานของผู้ฟ้องคดีที่บริษัทฯ จัดส่งมาให้และพบข้อเท็จจริงที่สนับสนุนว่าผู้ฟ้องคดี ได้รับทราบและยินยอมให้ผู้ฟ้องคดีใช้บัญชีของลูกค้าได้ และนางสาวนงค์ลักษณ์น่าจะร่วมกันตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้าเพื่อประโยชน์ ของตนเองหรือบุคคลอื่น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงได้มีหนังสือ ลับ ที่ กลต.ข ๖๗๑/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมกับส่งเอกสารหลักฐานมาให้ ซึ่งผู้ฟ้องคดี ได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๐ ชี้แจงข้อเท็จจริงโดยยอมรับว่าผู้ฟ้องคดีได้ทำคำสั่ง ซื้อขายหลักทรัพย์ให้นางสาวนงค์ลักษณ์โดยสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีของลูกค้ารายนายศิริชัย V โดยเข้าใจว่ากระทำได้เนื่องจากได้รายงานให้ผู้จัดการสาขาสุรินทร์ และผู้บริหารของบริษัทฯ ทราบแล้ว แต่ปฏิเสธว่าตนไม่ได้ตัดสินใจหรือร่วมตัดสินใจสั่งซื้อหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาแล้วเห็นว่าจากบทสนทนาระหว่างผู้ฟ้องคดีกับนางสาวนงค์ลักษณ์ ในเทปบันทึกเสียง ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ฟ้องคดีได้ร่วมมือกับนางสาวนงค์ลักษณ์จัดหา บัญชีลูกค้าเพื่อให้บุคคลอื่นมาสั่งซื้อขายหลักทรัพย์โดยลูกค้าไม่ได้มอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร และเป็นผู้รับคำสั่งจากบุคคลอื่นในบัญชีลูกค้า รวมทั้งได้กระทำการเพื่อให้การใช้บัญชีลูกค้า เป็นผลสำเร็จ พฤติการณ์การกระทำจึงฟังได้ว่าเป็นการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุน ซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีเพื่อประโยชน์อื่นใด จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานตามข้อ ๑๑ (๒) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข ๑๕/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ประกอบ ข้อ ๒ (๑๑) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 7 --- ๗ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ จึงได้อาศัยอำนาจตามข้อ ๑๒ (๒) ของประกาศฯ ที่ สข ๑๕/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับ ผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี 5 เดือน นับตั้งแต่วันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๐ ผู้ฟ้องคดีมีหนังสือลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว โดย ปฏิเสธว่าไม่ได้ร่วมมือกับนางสาวนงค์ลักษณ์จัดหาบัญชีลูกค้าเพื่อให้บุคคลอื่นมาส่งคำสั่ง ซื้อขายหลักทรัพย์ บทสนทนาในเทปบันทึกเสียงผู้ฟ้องคดีไม่เคยรับฟัง และผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่เคยสอบถามเพื่อให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงเกี่ยวกับเทปดังกล่าว อีกทั้งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มิได้ระบุถึง ที่มาของเทป ส่วนการรับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จากนางสาวนงค์ลักษณ์เป็นบัญชีของ นายศิริชัยนั้น เพราะนางสาวนงค์ลักษณ์กับนายศิริชัยรู้จักสนิทสนมกัน และมีข้อตกลงระหว่างกัน ให้ใช้บัญชีของนายศิริชัยจึงเป็นความยินยอมของนายศิริชัยเจ้าของบัญชี ผู้ฟ้องคดีเพียงทำหน้าที่ ส่งคำสั่งซื้อขายเท่านั้น ประกอบกับผู้จัดการสาขาสุรินทร์ก็รับรู้และยินยอมให้กระทำ จึงขอให้ ลดโทษเป็นภาคทัณฑ์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วยกับคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดี จึงได้เสนอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ พิจารณา ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจารณาเรื่องอุทธรณ์ของ ผู้ฟ้องคดีในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐ แล้วมีมติยืนตามคำสั่ง ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งว่าไม่ได้กระทำผิดมาตรฐานการปฏิบัติงานนั้น วัตถุประสงค์ของข้อ ๒ (๑) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๔๘ ต้องกำหนดห้ามผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่บุคคลอื่น ก็เพื่อให้สอดคล้องกับ ข้อ ๑๖ ของประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ ๖/๒๕๕๔ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และข้อ ๑๘ ของประกาศฯ ที่ กธ ๔๒/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๓ ที่กำหนดว่า บริษัทหลักทรัพย์ต้องซื้อขายหลักทรัพย์ให้เป็นไปตามคำสั่ง ของลูกค้าที่เป็นเจ้าของบัญชีหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากลูกค้าที่เป็นเจ้าของบัญชีเท่านั้น และต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้บัญชีของลูกค้ารายหนึ่งเพื่อลูกค้ารายอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้ต้องปรากฏว่าการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดทุน มาจากผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีที่ได้ผ่านการตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2557 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 8 --- กำหนด หากยอมให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์โดยใช้บัญชีลูกค้ารายหนึ่งเพื่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ เจ้าของบัญชีได้ น ไม่ว่าเจ้าของบัญชีจะยินยอมหรือรู้เห็นด้วยหรือไม่ก็ตามก็จะเป็นเหตุให้บุคคลทั่วไป สามารถเข้าซื้อขายหลักทรัพย์โดยไม่ต้องผ่านหลักเกณฑ์การตรวจสอบดังกล่าว ซึ่งจากพยาน หลักฐานสามารถฟังข้อเท็จจริงได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้รับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จากนางสาวนงค์ลักษณ์ ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายศิริชัยผู้ลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทฯ โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้น BNT และ GEN ในบัญชีของนายศิริชัย ซึ่งผู้ฟ้องคดีรับคำสั่งซื้อ จากนางสาวนงค์ลักษณ์โดยรู้อยู่ว่านางสาวนงค์ลักษณ์รับคำสั่งซื้อมาจากนางสาวชัชญรัชย์ อีกทอดหนึ่ง อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน การที่เจ้าของบัญชีจะยินยอม หรือไม่ หรือผู้จัดการสาขารับรู้หรือไม่ มิใช่สาระสำคัญของมาตรฐานการปฏิบัติงานและมิได้ เป็นเหตุยกเว้นการปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานดังกล่าวแต่อย่างใด จึงเห็นได้ว่าการที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นระยะเวลา ๑ ปี 5 เดือนนั้น ได้ให้ผู้ฟ้องคดีมีโอกาสที่จะได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาส ได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แล้ว กรณีจึงชอบด้วยกระบวนการอันเป็นสาระสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว อีกทั้งพยานหลักฐานที่ใช้ในการพิจารณามีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าผู้ฟ้องคดีไม่ปฏิบัติ ตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน และระดับโทษที่ลงแก่ผู้ฟ้องคดีได้กำหนดเท่าที่จำเป็นและสมควร แก่เหตุแล้ว คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ยืนตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงชอบ ด้วยกฎหมายเช่นกัน ผู้ฟ้องคดีคัดค้านคำให้การว่า การรับฟังพยานหลักฐานของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอเป็นเหตุให้การรับฟังข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามความจริง กล่าวคือ การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงข้อเท็จจริงนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มิได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดี ชี้แจงว่าเสียงสนทนาในเทปเป็นเสียงของผู้ฟ้องคดีหรือไม่ สนทนากับใครและเรื่องใด ประกอบกับ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองก็ไม่เคยเรียกนางสาวนงค์ลักษณ์ สินแสนสุข ให้ชี้แจงว่าเสียงในเทป เป็นเสียงของตนหรือไม่ อีกทั้งเสียงสนทนาในเทปดังกล่าวก็มิได้มีการกล่าวอ้างโดยระบุชื่อ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 9 --- นามสกุลจริงของผู้ฟ้องคดีอย่างชัดเจนแต่อย่างใด และเมื่อผู้ฟ้องคดีมิได้เข้าร่วมฟังเทป เสียงสนทนาผู้ฟ้องคดีย่อมไม่อาจโต้แย้งหรือกล่าวถึงหลักฐานดังกล่าวในหนังสือชี้แจง ข้อเท็จจริงได้ กรณีจึงไม่อาจถือได้ว่าผู้ฟ้องคดีได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาส โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ การรับฟังเทปบันทึกเสียงสนทนาซึ่งเป็นวัตถุพยานจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและ ผู้ฟ้องคดีก็มิได้ปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนมาตรฐานการปฏิบัติงานแต่อย่างใด ผู้ฟ้องคดีกระทำการไป โดยสุจริตโดยเข้าใจว่าสามารถกระทำได้เนื่องจากได้กระทำไปโดยอยู่ในความรู้เห็นและยินยอม ของนายศิริชัย ภาควรรธนะ เจ้าของบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และอยู่ในความรู้เห็นของผู้จัดการ สาขาสุรินทร์ แต่อย่างไรก็ตามการมอบอำนาจของเจ้าของบัญชีตามประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มิได้กำหนดว่าจะต้องเป็นการมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษรโดยชัดเจน เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายศิริชัยเจ้าของบัญชียินยอมให้นางสาวนงค์ลักษณ์สั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีซื้อขาย หลักทรัพย์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ จนถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๙ โดยผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ส่ง คำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ย่อมถือได้ว่าบุคคลทั้งสองเป็นตัวการตัวแทนกันโดยปริยายที่ไม่อยู่ใน บังคับต้องทำหลักฐานเป็นหนังสือแต่งตั้งตัวการตัวแทนแต่อย่างใด และถือได้ว่านายศิริชัย ได้มอบอำนาจให้นางสาวนงค์ลักษณ์เป็นผู้สั่งซื้อขายหลักทรัพย์แทนตนโดยปริยาย การดำเนินการ ของผู้ฟ้องคดีจึงเป็นการปฏิบัติที่ชอบด้วยมาตรฐานการปฏิบัติงาน และผู้ฟ้องคดีก็มิได้เป็นผู้ทำการ สั่งซื้อขายหลักทรัพย์เองแต่อย่างใด หากแต่เป็นการสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวนงค์ลักษณ์ โดยที่เจ้าของบัญชียินยอม ส่วนการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาลงโทษผู้ฟ้องคดีในระดับสูง โดยเทียบเคียงกับกรณีการตัดสินใจซื้อหลักทรัพย์แทนลูกค้าที่เกิดความเสียหายใกล้เคียงกันนั้น เป็นการพิจารณาลงโทษที่ไม่ตรงต่อข้อเท็จจริงและร้ายแรงเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น เนื่องจากผู้ฟ้องคดีมิได้เป็นผู้ตัดสินใจสั่งซื้อขายหลักทรัพย์เอง ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงมิอาจลงโทษ ผู้ฟ้องคดีโดยเทียบเคียงกับกรณีดังกล่าวได้ ประกอบกับภายหลังเกิดเหตุบริษัทฯ ได้เลิกจ้าง ผู้ฟ้องคดีตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ การตลาดหรือผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๑ ปี ๔ เดือนเศษ ซึ่งถือเสมือนหนึ่งว่าผู้ฟ้องคดีได้รับโทษแล้วบางส่วนตั้งแต่ก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง 800 ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 10 --- ๑๐ จะมีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นเวลา 6 เดือนเศษ หากนับเวลาตั้งแต่ผู้ฟ้องคดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนได้ตามความเป็นจริงจนถึงวันที่ผู้ฟ้องคดีไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจะทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนเป็นเวลา ๒ ปี ๔ เดือน จึงไม่เป็นธรรมแก่ผู้ฟ้องคดี ศาลออกนั่งพิจารณาคดีเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๑ โดยได้รับฟังสรุปข้อเท็จจริง ของตุลาการเจ้าของสำนวน คำแถลงด้วยวาจาของผู้ฟ้องคดี และคำชี้แจงด้วยวาจาประกอบ คำแถลงการณ์ของตุลาการผู้แถลงคดีด้วยแล้ว ศาลได้ตรวจพิจารณาเอกสารทั้งหมดในสำนวนคดี กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เดิมผู้ฟ้องคดีเป็นลูกจ้างบริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาสุรินทร์ ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาดหรือผู้ติดต่อกับ ผู้ลงทุน ตามสัญญาจ้าง ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๓ ต่อมาบริษัทฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีลูกค้ารายนายศิริชัย ภาควรรธนะ ได้รับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ จากนางสาวนงค์ลักษณ์ สินแสนสุข โดยใช้บัญชีของนายศิริชัยทั้งที่ไม่มีหนังสือมอบอำนาจ เป็นลายลักษณ์อักษรจากนายศิริชัย จนทำให้บริษัทฯ เสียหาย บริษัทฯ จึงได้เลิกจ้างผู้ฟ้องคดี ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๙ และได้แจ้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ทราบ พร้อมกับได้ส่งหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย บันทึกถ้อยคำของผู้ฟ้องคดีและของนางสาวนงค์ลักษณ์ หนังสือรับสภาพหนี้ ของผู้ฟ้องคดีกับนางสาวนงค์ลักษณ์ที่ทำไว้กับบริษัทฯ บันทึกถ้อยคำของเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ สาขาสุรินทร์และเทปการสนทนาระหว่างผู้ฟ้องคดีกับลูกค้าและบุคคลอื่นระหว่างเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน ๒๕๔๙ ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือ ลับ ที่ กลต.ข ๖๗๑/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๐ ชี้แจงข้อเท็จจริงโดยยอมรับว่าได้ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ให้กับนางสาวนงค์ลักษณ์ ผ่านบัญชีของลูกค้ารายนายศิริชัยจริง เพราะเข้าใจว่าสามารถกระทำได้เนื่องจากได้รายงานให้ ผู้จัดการสาขาสุรินทร์ทราบแล้ว แต่ปฏิเสธว่ามิได้ตัดสินใจหรือร่วมตัดสินใจสั่งซื้อหลักทรัพย์ ในบัญชีของลูกค้าแต่อย่างใด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของผู้ฟ้องคดี ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2557 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 11 --- ๑๑ เป็นการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี A เพื่อเอื้อประโยชน์อื่นใด จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงมีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน ตามหนังสือ กลต.ข. ๑๔๔๘/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ ผู้ฟ้องคดี จึงได้มีหนังสือลงวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๐ อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งในที่สุด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้พิจารณาอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีในการประชุมครั้งที่ ๗/๒๕๕๐ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๐ โดยมีมติยืนตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มี หนังสือ ลับ ที่ กลต.ข ๑๖๖๗/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๐ แจ้งมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ดังกล่าวไปให้ผู้ฟ้องคดีทราบโดยผู้ฟ้องคดีได้รับทราบเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐ จึงได้นำคดี มาฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๐ คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ยืนตามคำสั่ง ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยก่อนว่าการดำเนินการ เพื่อออกคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี 5 เดือน ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ชอบด้วยมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่กำหนดว่า ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองอาจกระทบถึงสิทธิของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ ต้องให้โอกาสที่จะได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอและมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยาน หลักฐานของตน หรือไม่ เห็นว่าในคดีนี้ภายหลังจากที่บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รายงานพฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดี และได้ชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมกับส่งหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องไปให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ พิจารณา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือ ลับ ที่ กลต.ข ๖๗๑/๒๕๕๐ ลงวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๐ ให้ผู้ฟ้องคดีชี้แจงข้อเท็จจริงพร้อมกับให้ส่งหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องไปให้พิจารณา โดยในหนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ดังกล่าว ได้แจ้งและอธิบาย ข้อกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีได้จัดการให้บุคคลอื่นเข้าไปดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ในบัญชีลูกค้า รายนายศิริชัย ภาควรรธนะ โดยไม่ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ถูกต้องจนเป็นเหตุให้เกิด ความเสียหายแก่ลูกค้าและบริษัทฯ การกระทำของผู้ฟ้องคดีเป็นการปฏิบัติงานโดยมิได้ใช้ความรู้ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2557 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 12 --- ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ และปฏิบัติต่อผู้ลงทุนทุกรายอย่างเป็นธรรมด้วยความ เอาใจใส่ ระมัดระวัง รอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ เข้าข่ายเป็นการ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานตามข้อ ๑๑ (๒) ของประกาศสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข ๑๕/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ ประกอบข้อ ๒ (๖) (๘) (๑๑) และ (๑๔) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยได้กล่าวอ้าง รายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของบริษัทฯ บันทึกปากคำของผู้ฟ้องคดีและนางสาวนงค์ลักษณ์ สินแสนสุข หนังสือรับสภาพหนี้ของผู้ฟ้องคดีและเทปบันทึกเสียงการสนทนาของผู้ฟ้องคดี กับลูกค้าและบุคคลอื่น หนังสือของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ดังกล่าว จึงเป็นหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา โดยมีรายละเอียดและข้อเท็จจริงเพียงพอที่ผู้ฟ้องคดีจะโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานเพื่อ แก้ข้อกล่าวหาได้แล้ว ซึ่งหากผู้ฟ้องคดีเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องดูเอกสารที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ กล่าวอ้าง ไม่ว่าจะเป็นเทปบันทึกเสียงการสนทนาของผู้ฟ้องคดีหรือเอกสารอื่นใดที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ กล่าวอ้าง ผู้ฟ้องคดีก็ชอบที่จะใช้สิทธิตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ขอตรวจเอกสารเพื่อการโต้แย้งหรือชี้แจงหรือป้องกันสิทธิของตนได้ 9 ๑ แต่ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีได้ใช้สิทธิดังกล่าวแต่อย่างใด คดีจึงฟังเป็นที่ยุติได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องคดีโดยมีรายละเอียดและข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และได้ให้โอกาสผู้ฟ้องคดีโต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานตามมาตรา ๓๐ แห่งพระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจรับฟังได้ เมื่อฟังได้ว่า การดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ เพื่อออกคำสั่งพักการปฏิบัติ หน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นการดำเนินการโดยชอบด้วยมาตรา ๓๐ แห่ง พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ แล้ว คดีจึงมีประเด็นที่จะต้อง วินิจฉัยต่อไปว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี 5 เดือน เป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่การตลาด หรือผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของบริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จึงต้องทราบและต้องปฏิบัติงานตามมาตรฐาน ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 13 --- ୭୩ การปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ข้อ ๒ กำหนดว่า แนวปฏิบัติ ที่เป็นการปฏิบัติงานโดยใช้ความรู้ความสามารถเยี่ยงผู้ประกอบวิชาชีพ และปฏิบัติต่อผู้ลงทุน ทุกรายอย่างเป็นธรรม ด้วยความเอาใจใส่ ระมัดระวัง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ ได้แก่ การปฏิบัติงานดังต่อไปนี้ (๖) ให้บริการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ผู้ลงทุนตามคำสั่งของผู้ลงทุน ที่เป็นเจ้าของบัญชี หรือตามคำสั่งของผู้ได้รับมอบอำนาจจากผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชี และ (๑๑) ไม่ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ตนเอง หรือบุคคลอื่น ที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อขายหลักทรัพย์เกินวงเงิน เพื่ออำนวยความสะดวก ในการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ผู้ลงทุน หรือเพื่อเอื้อประโยชน์อื่นใด หากผู้ทำหน้าที่ เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนรายใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติงานที่กำหนดดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีอำนาจ ตามข้อ ๑๒ ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข ๑๕/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๘ ลงโทษ (๑) ภาคทัณฑ์ (๒) สั่งพักการปฏิบัติงาน ตามระยะเวลาหรือเงื่อนไขที่กำหนด และ (๓) เพิกถอนการให้ความยินยอม ซึ่งในคดีนี้จากคำชี้แจง ของผู้ฟ้องคดีตามหนังสือลงวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๐ ผู้ฟ้องคดียอมรับว่าได้ส่งคำสั่งซื้อขาย หลักทรัพย์ให้นางสาวนงค์ลักษณ์โดยสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบัญชีของลูกค้ารายนายศิริชัย โดยเข้าใจว่าสามารถกระทำได้เพราะได้รายงานให้ผู้จัดการสาขาสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และผู้บริหารของบริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ทราบแล้ว อีกทั้ง บันทึกปากคำของผู้ฟ้องคดีที่ให้การไว้กับบริษัทฯ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๔๙ ว่านางสาวนงค์ลักษณ์ เป็นเพื่อนของตนและจะเป็นผู้หาปริมาณการซื้อขายมาให้ตน และผู้ฟ้องคดีได้ติดต่อหาบัญชีลูกค้า รายนายศิริชัยเพื่อทำการซื้อขาย ซึ่งในช่วงแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ได้ติดต่อกับ นายศิริชัยเพื่อขอใช้บัญชีและนายศิริชัยก็ยินยอมโดยคิดค่าใช้บัญชีในอัตรา ๑ ล้านบาทต่อ ๑,๐๐๐ บาท จนเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๔๙ นางสาวนงค์ลักษณ์ได้มีคำสั่งซื้อขายจาก นางสาวชัชญรัชย์ กองทอง ให้ซื้อหุ้น BNT จำนวน ๒๒,๐๐๐,๐๐๐ หุ้น และหุ้น GEN จำนวน ๖๐๐,๐๐๐ หุ้น ผู้ฟ้องคดีจึงได้ทำการซื้อขายผ่านบัญชีของนายศิริชัย จากคำชี้แจงและคำให้การ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 14 --- ๑๔ ของผู้ฟ้องคดีดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่านางสาวนงค์ลักษณ์จะเป็นผู้ติดต่อกับนักลงทุนแทนผู้ฟ้องคดี เมื่อมีนักลงทุนที่มีความประสงค์จะซื้อขายหลักทรัพย์ก็จะแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้สั่งซื้อหลักทรัพย์ โดยใช้บัญชีของนายศิริชัย แม้ผู้ฟ้องคดีจะกล่าวอ้างว่านายศิริชัยเจ้าของบัญชียินยอมให้ใช้บัญชี โดยคิดค่าใช้บัญชีในอัตรา ๑ ล้านบาทต่อ ๑,๐๐๐ บาท ก็ตาม การให้ความยินยอมของนายศิริชัย ดังกล่าวหากมีอยู่จริงก็เป็นการดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อขายหลักทรัพย์ที่กำหนดให้ การซื้อขายหลักทรัพย์เฉพาะคำสั่งของผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีหรือตามคำสั่งของผู้ได้รับ มอบอำนาจจากผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีเท่านั้น ตามข้อ ๒ (๖) ของประกาศสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ การสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวของผู้ฟ้องคดีจึงมิได้เป็นการสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ ตามคำสั่งของนายศิริชัยผู้ลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีหรือตามคำสั่งของผู้ได้รับมอบอำนาจจาก นายศิริชัย แต่เป็นการสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ตามคำสั่งของนางสาวชัชญรัชย์ กองทอง ซึ่งเป็น บุคคลอื่น ที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชี พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดีจึงมีลักษณะเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ให้แก่ผู้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัญชีเพื่อประโยชน์อื่นใด อันเป็นการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ตามข้อ ๑๑ (๒) ของประกาศ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข ๑๕/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ ประกอบข้อ ๒ (๖) และ (๑๑) ของประกาศสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ อข ๑๐/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งผลของ การกระทำดังกล่าวนอกจากจะทำให้บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับความเสียหายแล้ว ยังทำให้นักลงทุนที่เป็นเจ้าของบัญชีไม่มั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน และมีผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระบบการกำกับ หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนอาจส่งผลกระทบต่อประเทศโดยรวมได้ ดังนั้น การที่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ มีคำสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างการดำเนินการดังกล่าวได้รับความยินยอม จากนายศิริชัยเจ้าของบัญชี และผู้จัดการสาขาสุรินทร์ รวมทั้งผู้บริหารของบริษัท หลักทรัพย์ ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง --- PAGE 15 --- ๑๕ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ก็ไม่ทำให้การดำเนินการที่ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน การปฏิบัติงานของผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีจะกลับมาเป็นการดำเนินการโดยชอบ แต่อย่างใด อีกทั้งการที่บริษัท หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จะเลิกจ้าง ผู้ฟ้องคดีก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน จนเป็นเหตุให้ ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตั้งแต่วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่บริษัทฯ เลิกจ้างผู้ฟ้องคดีนั้น การไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวไม่ได้เป็นผลจากคำสั่ง ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่เป็นผลจากการที่บริษัทฯ เลิกจ้างผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน ข้อกล่าวอ้างของผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจรับฟังได้ และเมื่อฟังเป็นที่ยุติได้ว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของผู้ฟ้องคดีเป็นเวลา ๑ ปี ๖ เดือน ชอบด้วยกฎหมายแล้ว มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ยืนตามคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน พิพากษายกฟ้อง นายอนุวัฒน์ ธาราแสวง ตุลาการศาลปกครองกลาง นายกมล สกุลเดชา ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลาง ตุลาการเจ้าของสำนวน นายสมชัย วัฒนการุณ ตุลาการศาลปกครองกลาง วัดปกครอง กลาง Savings ตุลาการผู้แถลงคดี : นางรดาวรรณ วานิช ศาลปกครองกลาง 4 มิ.ย. 2551 ศาลปกครองกลาง สำเนาถูกต้อง & n (นางสาววันรพี แกน) เจ้าหน้าที่ศาลปกครอง 5 * 4 8. 8. 2551 .